รายการ โหนกระแส ตามคดี เด็ก16ซิ่งรถบีเอ็มฝ่าไฟแดงชนคนตาย หลังเหตุการณ์ผ่านมาเกือบจะเดือน พ่อเด็กบอกไม่มีปัญญาจ่ายเงินเยียวยา 15 ล้าน พร้อมให้ฟ้อง ลูกบวชอุทิศให้ 5 วัน
วันที่ 25 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวแถลงการณ์ว่า เทรนด์ฮิตทวิตเตอร์ กลับมาเป็นแฮชแท็ก #เด็ก16ฝ่าไฟแดงชนคนตาย พร้อมแฮชแท็ก #โหนกระแส อีกที หลังจากรายการโหนกระแส บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด เชิญครอบครัวของ “น้องเต้” ชายหนุ่มวัย 24 ปีที่ถูกรถบีเอ็มดับเบิลยู ขับโดยวัยรุ่นอายุ 16 ปีพุ่งเข้าชนเสียชีวิต มาออกรายการ
สมาชิกในครอบครัวกล่าวว่า ถึงวันนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาใดๆก็ตามตั้งแต่แมื่อเกิดเหตุวันที่ 30 เดือนกันยายน 2565
โดยพ่อน้องเต้มีอาชีพทำนา เลี้ยงดูลูกเรียนหนังสือจนจบ วิชาวิศวกรรมศาสตร์ โทรคมนาคม เมื่อปี 2563 เมื่อน้องเต้ทำงานแล้ว ส่งเงินให้พ่อแม่เดือนละ 15,000 บาท
“หมอก” พี่ที่ทำงานกับน้องเต้ เล่าถึงวันเกิดเหตุ ว่า ทราบข่าวสารตอนเที่ยงคืน แต่ยังเช็กรายละเอียดไม่ได้มาก ทราบดีว่าเหตุเกิดตอนเกือบสี่ทุ่ม มีวัยรุ่นขี่รถบีเอ็มฝ่าไฟแดงแล้วชนน้อง ตรงแยกไฟแดง
“สิ่งที่น่าตกใจ หลังมีการชนไปแล้ว เห็นจากข่าวสารและภาพที่มีการแชร์ในทวิตเตอร์ คือฝั่งผู้ชนลงจากรถมา ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ แต่ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปรถตนเอง และเอาไปลงสตอรี่ตนเอง กล่าวว่าเขาและเพื่อนที่นั่งมาด้วยปลอดภัย รถชนนิดหน่อย สี่ทุ่ม 3 นาที เขาโพสต์หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน
น่าตกใจว่าน้องเต้คือบุคคลที่ถูกชน กระเด็นไปไกลกว่านี้ เขาไม่ได้เข้าไปดูแลหรือคิดที่จะช่วย แต่กลับมีอารมณ์ถ่ายรูปแล้วบอกคนอื่นว่ากูโดนแบบนี้ นี่คือสิ่งที่สังคมพยายามทวงถามความเที่ยงธรรมให้ครอบครัวน้องเต้
เมื่อพิธีกร “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ถามว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุได้มีโอกาสบอกคุยกับฝั่งผู้ขับรถชนหรือไม่ พ่อของน้องเต้ กล่าวว่า คุยวันที่ 17 เดือนตุลาคม มีการพูดจาเขาบอกจะรับผิดชอบหมดทุกอย่าง เขายอมรับผิด
“แต่ทีนี้เรื่องไม่จบ เพราะผัดไปวันที่ 21 มาพูดจาอีกที จากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาพูดไม่รับผิดชอบสักอย่างและให้เงินผมจะจ่ายเป็นรายปี ผ่อนจ่ายครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะผ่อนจ่ายอย่างไร
มีอยู่ข้อนึงเขากล่าวว่าจะกู้สหกรณ์ได้ประมาณ 7 แสน จะหาเงินมาชดเชยที่ลูกผมสูญเสียไป บวกเงินที่จะมาทำศพ จะเอาเงินมาให้ 2.5 แสน แต่จริงๆเงินทำศพลูกผม หมดไป 3 แสนต้นๆครับ”
อย่างไรก็ตาม พ่อของน้องเต้กล่าวว่า ถึงวันนี้เงิน 2.5 แสนที่อีกฝ่ายบอกจะช่วย ก็ยังไม่ได้นำมาให้ ที่ฝ่าวางใส่พานใต้พวงหรีด ที่จริงแล้วก็ไม่มี ส่วนที่ได้มาคือประกันพ.ร.บ. ของคู่กรณี 5 แสนบาท
ต่อมา นายเทอดพงษ์ กมลปัญญากร พ่อของวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ โทร.เข้ามาลงรายละเอียดว่า ที่ผ่านมาพาลูกชายไปกราบขอขมาพ่อที่สภ.โพกลาง และระหว่างพาพ่อผู้เสียหายขึ้นรถไปรพ.มหาราช ก็คุยกันปกติ ขออภัย ขอขมากันบนรถ ไปรอที่รพ.
ส่วนเรื่องเงินเยียวยา นายเทอดพงษ์กล่าวว่า คุยกันตั้งแต่วันที่ 1 แล้ว และถือเงินไป 2.5 แสนไปวันเผา ตามที่เป็นข่าว แต่ไม่ได้เข้าร่วมงาน และไม่ได้วางไว้ เพราะผู้ใหญ่บ้านไปถามเขาแล้ว ไม่มีใครตอบรับให้ร่วมงาน
ปัจจุบันวันที่ 17 ที่ไปไกล่เกลี่ยกัน ก็ถือเงินก้อนนั้นไป
แล้วมีผู้ประสานงาน คือนายวีระศักดิ์ บุญเพลิง ดูแลผู้เสียหาย ซึ่งบอกว่าพ่อแม่ผู้เสียหายไม่ได้ยินดียอมรับเงินก้อนนั้นไป
“ผมก็แจ้งพ่อกับแม่ว่าจะเรียกร้องเงินเยียวยาเรื่องนี้เท่าไหร่อะไรอย่างไร ท่านก็กล่าวว่ายังไม่ตอบเรื่องนี้ นี่วันที่ 17 นะครับ แล้วปัจจุบัน 21 ก็มาไกล่เกลี่ยรอบ 2 ก็เป็นชุดเดิม พ่อกับแม่มารับเช็คในส่วนพ.ร.บ.รถยนต์ 5 แสนบาท วันที่ 21 พ่อกับแม่ก็แจ้งยอดค่าเสียหาย” นายเทอดพงษ์กล่าว
เมื่อถามถึงยอดเงินที่เรียกค่าทำขวัญ สองฝ่ายทราบตรงกันว่าอยู่ที่ 15 ล้านบาท แต่นายเทอดพงษ์กล่าวว่า ไม่มีหนทางจะหามาให้ได้เป็นก้อน
“ผมก็ชี้แจงว่าเงินมากมายขนาดนั้น ฐานะทางการเงินผม ก็คงไม่มีเป็นก้อนให้ได้ขนาดนั้น ผมก็ชี้แจงว่าเงินที่ให้ส่วนแรก ผมคงหาได้สัก 6-7 แสนให้ไปก่อน ท่านวีระศักดิ์ ก็กล่าวว่าถามพ่อกับแม่ผู้เสียหาย เขาก็กล่าวว่าถ้าไม่มีให้คงต้องฟ้องทางแพ่งกัน ผมก็น้อมรับยอดนั้น และคงตามความประสงค์พ่อกับแม่”
พ่อวัยรุ่นขับบีเอ็มกล่าวย้ำว่า “15 ล้าน ณ ปัจจุบัน ก็ต้องกล่าวว่าจนปัญญาจะให้ เพราะยอดไม่ได้น้อยๆ” และยืนยันว่า ไม่ว่าจะอย่างไรต้องปรึกษาครอบครัวก่อน
นายเทอดพงษ์กล่าวเหตุว่า ลูกชายเพิ่งจะไปบวชได้ 5 วันและเพิ่งจะสึกออกมา
ด้านนายวีระศักดิ์ โชติวานิช กรรมการประชาสัมพันธ์ สภาทนายความฯ กล่าวว่า
เรื่องนี้ปัญหาเกิดจากคู่กรณีเป็นผู้เยาว์ อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว ไม่ใช่ศาลผู้ใหญ่ธรรมดา ผมรู้สึกว่าส่วนนี้เขาเองก็คงมีผู้รู้กฎหมาย หรือที่หารือให้ความเห็นเขา ว่าเรื่องนี้พอถึงศาล กรณีโทษที่ลงโทษไม่หนักเหมือนศาลใหญ่
“เหมือนกรณีอาจารย์นักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ แพรวา สุดท้ายเป็นกระบวนการศาลเยาวชน ผมคิดว่าครอบครัวฝ่ายน้อง 16 ปีก็พอจะรู้ ฉะนั้นวิธีการเจรจาถึงออกมาอย่างนี้”
“เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนย้อนกลับมาอีกแล้ว จริงๆ กรณีแม่แพรวาเขายังกระทำได้เลยนะ แต่ครั้งนี้ผมว่าเป็นเหตุที่คุณไม่ต้องรออีกหลายปีแล้วมาทำเลย มันสามารถทำได้เลย แล้วคุณรับราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ในอบต. ทำงานรับใช้ประชาชน เรื่องแบบนี้อยากให้เห็นใจเขาด้วย อยู่ในสายกับคุณเทอดพงษ์อีกครั้ง อยากให้เห็นใจฝั่งนี้ เป็นไปได้มั้ย ปรึกษากันเลยได้มั้ย?” นายวีระศักดิ์กล่าว
ขณะที่นายเทอดพงษ์ยืนยันว่า “คงไม่ได้ครับ ดูยอดเงินมันขนาดนี้ ผมจะไปหาไหนให้ได้ มันเยอะนะครับ ผมน้อมรับข้อเสนอคุณพ่อคุณแม่เขา แต่ถ้าเงินก้อนขนาดนี้ ก็บอกตรงๆ มันคงยากมาก ถ้าคุณพ่อคุณแม่เขายังยึดตามยอดนี้ ผมก็น้อมรับนะครับ คงอาศัยกระบวนการทางศาลว่ากันดูว่าจะยังไง ตัวเลขผมก็น้อมรับ”